Top 5 spirits
คำๆนี้อาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าที่ควรสำหรับคนนอกวงการ"คนชงเหล้า" เพราะว่าถ้าจะพูดถึงเหล้าแล้วมันมีมากมายหลายชนิดครับ ฝรั่งเขาเรียกกันไปตามชื่อของวิธีการทำ ปริมาณแอลกอฮอล์ที่มี สีสัน ความเข้มข้นของปริมาณน้ำตาล รสชาดที่ได้ ชื้อคนทำได้ครั้งแรก มันก็เลยทำให้มีชื่อที่ใช้เรียกไอ้น้ำเมาพวกนี้เป็นร้อยเป็นพันครับผม จึงทำให้พีไทยอย่างเราๆท่านๆเกิดความคิดขึ้นมาว่าแล้วจะไปแยกชื่อแยกประเภทให้มันเสียเวลาทำไม่ และแล้วพี่ไทยค่อนประเทศก็เลยลงความเห็นว่าอะไรก็ช่างไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ ทำมาอย่างไร หวานหรือขม แต่ถ้าดื่มแล้วทำให้เมาได้ข้าขอเรียกมันว่า "เหล้า" สั้นๆ และก็ได้ใจความ เอออันนี้ก็จริงนะข้ากระผมก็ขอแสดงความนับถือจากใจจริงครับ เอาละครับกลับมาที่ top 5 spirit ที่ได้พูดค้างเอาไว้ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าเหล้านะมันมีเป็นร้อยเป็นพันชนิด แต่คุณจะเชื่อมั๋ยครับว่าจริงๆแล้วเรากลับใช้มันแค่ไม่กี่ชนิดเอง ที่หลักๆเลยก็มีอยู่ 5 ชนิดนี่แหละที่ทุกบาร์จะต้องมี และบาร์ทุกคนต้องรู้จัก และคนทุกคนที่เป็นนักดื่มต้องเคยดื่มมาแล้วกันทั้งนั้น มาเริ่มกันที่ตัวแรกเลย
1.Gin คำสั้นๆ แต่เป็นอะไรที่เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิง Gin เป็นเหล้าชนิดนึงที่ทำจากผลเบอร์รี่ [Juniper Berry]ซี่งก็ยังมีส่วนผสมของ Grain และ Barley อยู่เหมือนเดิมเพียงแต่ว่าเพิ่มเจ้าเบอร์รี่นี้เข้ามาเป็นส่วนผสมหลัก Gin โดยทั่วไปแล้วจะมีกลิ่นที่หอมละมุนชวนดื่มมากจนคิดว่ามันไม่น่าจะทำให้เราเมาได้เลยแต่ในทางกลับกัน Gin กลับมีความแรงของปริมาณแอลกอฮอล์สูงมากกว่าเหล้า หลายๆชนิดเสียด้วยซ้ำ เพราะว่า Gin ส่วนใหญ่แล้วจะมีประมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 43%-47% พูดง่ายๆ ก็คือว่าแรงกว่าเหล้าขาวบ้านเราเลยแหละแต่ว่ากระบวนการกลั่นและการหมักส่วนผสมต่างๆที่ได้จากธรรมชาติจริงๆ มันก็เลยกลับทำให้ Gin กลับมีความนุ่มละมุนละไมมากกว่าเหล้าบ้านเราที่มีดีกรีน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำไป Gin เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากในอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ทั้งดื่มผสมกับ Tonic หรือดื่มแบบ Martini [Gin+Dry Vermooth] และในปัจจุบันนี้ก็มี Cocktails หลากหลายชนิดที่มี Gin เป็นส่วนผสมยกตัวอย่างเครื่องดื่มตัวนึงที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วจนกระทั่งปัจจุบันนั่นก็คือ Singapore Sling ซึ่งจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ มาดูกันครับว่าเจ้า Singapore Sling นี้มีส่วนผสมอะไรบ้างและมันทำยังงัย
Singapore Sling
Gin 1 Oz
Cherry Brandy 1/2 Oz
Sweet & Sour 2 Oz
Grenadine 1/4 Oz
Soda Float
เริ่มจากเตรียมน้ำแข็งใส่แก้วที่เราต้องการจะใช้เสริฟเครื่องดื่มตัวนี้ จากนั้นนำ Gin กับ Sweet&Sour ใส่กระบอก Shaker แล้วเขย่าให้พอเครื่องดื่มผสมกัน ไม่ต้องเขย่ามากจนเกินไปจะทำให้เกิดฟองเยอะเกินไป รินใส่แก้วจะได้ปริมาณประมาณ 2/3 ของแก้ว แล้วก็เติม Soda จนเกือบเต็มแก้วเหลือพื้นที่ไว้ประมาณ 1.5 ซ.ม. แล้วก็เติม Cherry Brandy และก็ตามด้วย Grenadine แค่นี้เป็นอันเสร็จ อยากให้สวยก็หามะนาวเหลืองหรือว่าลูก Cherry ซักลูกมาใส่ลงไปในแก้วแค่นี้ก็ได้เครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมตลอดการไว้ดื่มเองที่บ้านแล้ว
Sweet & Sour
จะมีขายเป็นขวดสำเร็จตาม Food Land หรือตามห้างที่มีเหล้านอกขายจะมีอยู่แต่ว่าถ้าใครยังไม่มีตรงนี้ก็ลองเอาสูตรนี้ไปทำแก้ขัดก่อนก็ได้ให้ใช้น้ำมะนาวประมาณ 1-1/2 Oz + น้ำเชื่อม 1/2 Oz ก็จะได้รสชาดที่ใกล้เคียงกันและได้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า Sweet & Sour เสียอีก ยังงัยก็ลองไปทำดูกันนะครับผม ต้องขอโทษด้วยตอนนี้รูปภาพยังไม่พร้อมแล้วเดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่จะนำมาลงให้อีกทีนะครับผม
มาดูกันนิดนึงครับว่าเหล้าในหมวด Gin นี้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้างครับ
สามหนุ่มสามมุมหล่อ
Tanqueray จัดว่าเป็น Gin ที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆเหมือนกันครับ มีอยู่ในแทบจะทุกบาร์ทั่วโลก บาร์ไหนไม่มีน่าจะเป็นเรื่องแปลก รสชาดและความหอมละมุนนั้นจัดว่าอยู่ในเกณท์ใช้ได้ เลยครับ Tanqueray Tonic เป็นเครื่องดื่มที่ฮิตไปทั่วโลกถึงขั้นทำชื่อย่อมาในหมู่นักดื่่มและ Bartender ว่า T&T คือถ้าลูกค้าสั่ง T&T เป็นอันว่ารู้กันว่ามันคือ Tanqueray
Beefeater ตัวนี้ก็เก๋าไม่แพ้ตัวบน เนื่องจากทำตลาดมาก่อน และปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมตามบาร์ทั่วไปมีให้เลือกอย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าจะเทียบคลาสกันทั้ง 3 ตัว ตัวนี้ดูจะเป็นตัวรั้งท้าย ทั้งในเรื่องของราคาที่ต่ำกว่าเพื่อน จนบางบาร์ก็เอามาทำเป็น House Brand พูดง่ายๆว่าของถูก คุณภาพมันก็ต้องด้อยลงไปด้วยเป็นเรื่องปรกติ แต่ว่ารสชาดนั้นถือว่ายังอยู่ในเกณท์ที่ใช้ได้ครับ
Bombay Sapphire Gin ตัวนี้ ถ้าเทียบกับ 3 ตัวตรงนี้ก็น่าจะเป็นที่ 1 ในรุ่นนี้ จะด้วยความมีชื่อเสียงจากสื่อและก็ประวัติและกรรมวิธีในการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์มาจนถึงทุกวันนี้ และที่สำคัญกลิ่นที่แสนจะหอมหวลเย้ายวลใจเอาเสียเหลือเกิน Bombay Sapphire เป็น Gin เพียงยี่ห้อเดียวที่มีส่วนผสมของพืชสมุนไพรถึง 10 ชนิด ณ เวลานี้ [ที่รู้มานะ 555]หรือที่เรียกว่า Botanical ส่วนรายละเอียดจะเขียนไว้ในหน้า Bombay Gin ให้เข้าไปดูว่ามันมีอะไรกันนักหนา
ครับผม 3 ตัวนี้ก็ถือว่าเป็น Gin ในกลุ่มแถวหน้าหรือว่ามีกันแทบทุกบาร์ว่างั้นเถอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น