ลิงค์สนับสนุน

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Martini

สวัสดีครับผม วันนี้้ก็เร่ิมเข้าเทศกาลเข้าพรรษามาได้ซักระยะนึงแล้วนะครับผม ใครที่ยังอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษาอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เข้ามาอ่านตรงนี้นะครับ พ้ืนที่ตรงนี้ยังคงนำเสนอเรื่องราวที่น่ารู้เกี่ยวกับ น้ำเมาที่เรียกว่าเหล้าอยู่เหมือนเดิมครับผม ตอนวันเข้าพรรษา งดนำเสนอไปแล้ว วันนี้มาต่อกันเลยดีกว่าครับ
จากบทแรกๆ เลยที่เราคุยกันว่าสำหรับคนไทยแล้ว อะไรที่เป็นน้ำเมา ดื่มเข้าไปแล้วทำให้เมาได้ คนไทยจะเรียกขานเจ้าเครื่องดื่มชนิดนั้นกันว่าเหล้า ไปซะหมดทุกอย่าง แต่ว่าจริงๆ แล้วมันมีชื่อและชนิดของมันตามที่ได้เขียนไว้แล้ว ในบทความ Top 5 Spirits นั่นแค่ 5 ตัว  5 อย่างแค่นั้นเองครับผม น้ำเมานั้นยังมีอีกหลากหลายชนิดที่เรียกต่างชื่อ ต่างที่มากัน แต่ว่่าวันนี้จะขอข้ามมาคุยเรื่องของ Cocktails กันก่อน และนี่ก็อีกเช่นกัน Cocktails นั้น มันก็มีชื่อเรียกเฉพาะกลุ่มของมันด้วยเช่นกัน ว่า Cocktails ชนิดนี้ลักษณะการทำอย่างนี้ รูปร่างหน้าตาอย่างนี้ ส่วนผสมอย่างนี้ เขาเรียกและหรือจัดให้มันอยู่ในกลุ่มไหน ชื่ออะไร ประมาณนั้น เอาแบบพอรู้เรียกถูกก็พอครับผม หรือว่ารู้ไว้ใช่ว่าก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลยนี่  ก่อนจะข้ามไปคุยกันเรื่อรายละเอียดของ Cocktails วันนี้ มีเรื่องน่ารู้และน่าสับสนเกี่ยวกับ Cocktails ในหมวด Martini มาเล่าให้ฟังกันก่อน
Martini เองนั้นอย่างที่ทราบดีแล้วว่าเมื่อก่อนนั้น และหรือแม้แต่ในปัจจุบัน มันคือการเอาเหล้าหลักมาผสมกับ Dry Vermouth แค่นั้นเอง เช่น Gin Martini และ Vodka Martini
Gin Martini ก็จะมีแค่ Gin + Dry Vermouth และก็เสริฟใน Martini Glass พร้อม Olive หรือ Twist ให้ลูกค้าเลือก แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเลือกและชอบด่ืมมันกับ Olive เพราะว่ามันเปรี้ยวๆ เค็มๆ มันก็เหมือนกับการที่บ้านเราชอบดื่มเหล้าขาวกับมะขามเปียก หรือว่ามะม่วงเปรี้ยวจิ้มเกลืออะไรประมาณนั้นแหละมั้ง ??
Vodka Martin ก็จะมีแค่ Vodka + Dry Vermouth และก็เสริฟใน Martini Glass พร้อม Olive หรือ Twist ให้เลือก
2 ตัวนี้คือ Classic Martini ในยุคแรกเร่ิมของการดื่ม Martini แต่ว่าในปัจจุบันนั้น Martini เองได้ถูกปรุ่งแต่ง เพิ่มเติม ทั้งรสชาด และสีสันไปเสียจน เรียกว่านับไม่ถ้วนแล้ว เฉพาะบาร์ที่ผู้เขียน "คนชงเหล้า" ทำอยู่นี้ก็เกินร้อยแล้วครับผม เอาเป็นว่ามันเยอะมาก แต่ว่าMartini ตัวใหม่ๆ ที่มีการเพิ่มเติมแต่งรสชาดและสีสันนั้น มักจะไม่ค่อยสับสนเสียเท่าไหร่ เพราะว่าเวลาเราสั่งน่ะ มันจะออกมาตามสูตรของแต่ละที่ที่เขาปรุ่งแต่งเสร็จมาจากในบาร์เรียบร้อย ไม่ต้องไปบอกว่า อยากได้ยังงัย อะไร แต่ว่าปัญหามันมาอยู่ที่ตัว Classic Martini นี่แหละครับ ที่จนป่านนี้ ทั้งตัวของ Bartender เองและลูกค้า บางครั้งยังสับสนและเข้าใจไม่ค่อยจะตรงกันอยู่เลย ในการสั่ง Classic Martini หลายๆ คนคงจะงง ๆ แล้วว่ามันจะอะไรนักหนา แค่สั่งเครื่องดื่ม เดี๋ยวเรามาดูกันนะครับผม แล้วจะรู้ว่าทำไมมันสับสนนักหนาขนาดต้องเอามาเขียนเป็นเรื่องเป็นราวได้เลย
ก่อนอื่นมาดูคำถามที่ใช้บ่อยกันก่อนเลยครับ
ทันที่ ที่เราสั่ง Martini
คำถามแรกเลยที่ Bartender จะถามกลับมาคือ จะเอา Gin หรือ Vodka
คำถามที่สอง ก็คือ จะเอาแบบ Straight up หรือว่า แบบ On the Rocks
คำถามที่สาม ก็คือ จะเอา Olive หรือว่า Twist
และหรือ คำถามต่อไป สำหรับบางที่ เขาจะถามว่า จะเอา Single หรือ Double ด้วยถ้าเขามีบริการตรงนั้น
ถ้าไปนั่งบาร์เมืองนอก อย่าไปเผลอสั่ง Martini ทีเดียวเชียวนะครับ จะโดนยิงคำถามกลับมาแบบตั้งตัวไม่ติดเลยนะครับผม นี่ยังเด็กๆ ครับผมสำหรับเรื่องน่าปวดหัวจาก Martini นี่คือหน้าที่ของพนักงานเสริฟและ Bartender แค่นั้น มันมีเรื่องน่าปวดหัวมากกว่านั้นก็คือว่าลูกค้าแต่ละคนที่ชอบดื่ม Martini นี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน และก็เลยเกิดคำศัพท์มากมายที่ใช้ในการสั่ง Martini ในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งบางคำบางอย่างนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นสากลที่ไหนก็ใช้ แต่ว่าบางคำก็เกิดจากการนึกคำพูดขึ้นมาเพื่อใช้งานในบางที่บางบาร์และเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา ซึ่งบางคำนั้น มักจะทำให้ทั้งผู้สั่งคือลูกค้าเองนั้นและ Bartender นั้นเกิดความสับสนกันอยู่เรื่อยเลย ลองมาดูคำสั่งยอดฮิตของ Martini กันดูครับผม
Dry คำนี้เป็นคำง่ายๆ ที่ทั้ง ลูกค้าและBartender หลายๆคนเองก็สับสน ถ้าลูกค้าสั่งว่าอยากได้  Dry  Martini นั้นหมายความว่า ลูกค้าต้องการ Martini ของเขานั้น ใส่ Dry Vermouth มาแค่นิดเดียว ก็ประมาณว่าครึ่งนึงของที่เคยใส่ ก่อนอื่นเลยต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับผม ว่า Martini นั้นส่วนใหญ่จะใส่ Dry Vermouth กันแค่ 1/4  Oz และหรือ บางที่จะใส่ 1/2 Oz กันแค่นั้น ถ้าลูกค้าสั่ง Dry Martini ก็ให้ลดสัดส่วนของสูตรที่ตัวเองใช้อยู่ลงมาครึ่งนึงก็จะได้ความหมายของคำว่า Dry Martini
Extra Dry คำนี้แหละเป็นตัวที่ทำให้สับสนกันไปแล้วทั่วโลก สำหรับลูกค้าใหม่หัดดื่ม Martini กับ Bartender ที่พึ่งมาทำงานเป็นบาร์ในรุ่นหลังๆ มานี้ คำว่า Extra ฟังดูแล้วน่าจะมีความหมายว่า พิเศษ เพิ่ม มากขึ้น อะไรทำนองนี้ใช่มั๋ยครับ มันก็ใช่นะ แต่ว่าพอมันมารวมกับคำว่า Dry ความหมายของมันก็เลยแปลเต็มตัวว่า Extra Dry คือ ขอแบบไม่หวานเลย [Dry ในภาษาเหล้า ภาษาไวน์ คือว่าไม่หวาน หรือหวานน้อย] พอมารวมกับคำว่า Extra ก็เลยเป็นว่าไม่เอาหวานเลย  แต่ว่าบ่อยครั้งที่ลูกค้าและ Bartender มือใหม่ต่างเข้าใจว่าคำว่า Extra Dry คือต้องใส่ Dry Vermouth เยอะๆ มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิด Extra Dry  คือไม่ต้องใส่ Dry Vermouth เลย หรือเรียกอีกอย่างว่าคนที่สั่ง Gin หรือ Vodka Martini Extra Dry เครื่องดื่มที่เขาจะได้ก็คือ Gin หรือ Vodka เพรียวๆ ที่ผ่านการทำให้เย็นโดยการเขย่าก็แค่นั้นเองครับผม และก็ถ้าเป็นการสั่งแบบ On th Rocks มันก็คือ Gin หรือ Vodka ใส่น้ำแข็งและก็มี Olive หรือ Twist ให้เลือกก็แค่น้ันเองครับ
In Out Martini นี่ก็เป็นอีกคำนึงที่ทำเอาหลายๆคนทั้งคนสั่ง ทั้งคนทำ ความหมายของคำว่า In Out นั้น มันเป็นศัพท์สำหรับคนที่ชอบดื่ม Martini แบบว่า จะเอาแบบ Dry ก็ไม่ชอบ ยังมีความหวานของ Dry Vermouth หลงเหลืออยู่ ครั้นจะส่ังแบบ Extra Dry ก็บาดคอจนเกินไปเพราะว่ามันมีแต่ Gin และ Vodka ล้วนๆ ก็เลยเกิดไอเดียว่าอยากได้แต่กลิ่นและรสของมันนิดหน่อยก็พอ โดยวิธีการนั้น  Bartender จำทำการริน Dry Vermouth ก็เท่ากับสูตรของแต่ละที่ อาจจะเป็น 1/2 Oz หรือ 1/4 Oz ลงในกระบอก Shaker แล้วก็ทำการแกว่งกระบอกหรือใช้ Bar Sppon คนพอให้ Dry Vermouth นั้นได้เคลือบผิวของกระบอก Shaker จนทั่วแล้วก็เททั้ง Dry Vermouth และน้ำแข็งนั้นทิ้งไป แล้วก็ตักน้ำแข็งใหม่มาใส่แล้วก็เติม Gin หรือ Vodka แค่นั้น ทำการเขย่าแล้วก็รินใส่แก้วเป็นอันเสร็จ ดูซิว่าความเรื่องมากของคนดื่ม Martini นี่ยังไม่หมดครับผม ดูกันต่อไป
A Dash จากด้านบนที่เลือกไม่ได้ว่าจะอยู่ตรง Dry หรือ Extra Dry กลุ่มนี้คือว่าตัดสินใจไม่ได้เหมือนกันว่าจะเอายังงัยดี แต่ว่าก็ยังดีกว่ากลุ่มเก่า เพราะว่าถ้าทำแบบ In Out นั้นก็รู้สึกว่าเสียดายของที่ต้องเททิ้งไป ก็เลยบอกว่าของฉันขอแค่ 2-3 เหยาะก็พอ คำว่า A Dash หรือ Just a Dash ก็เลยกลายเป็นการทำ Martini ที่ลดการใช้ Dry Vermouth ลงมาเยอะมาก ใช้น้อยกว่าแบบที่เรียกว่า Dry อีก ก็เอาง่ายๆว่า ใช้วิธีการเหยาะเอา 2-3 ครั้งแล้วแต่ว่ามันลงไปแค่ไหน แต่ว่าต้องไม่เยอะครับผม นิดเดียว นี่ยังไม่จบครับผม
Dirty Martini นี่ก็เป็นอีกคำนึงที่คนอเมริกันทั้งหลายชอบกันมาก ไม่รู้ว่ามันชอบอะไรกันนัก ผมเองทำมาเยอะ ลองมาแยะแล้ว บอกได้คำเดียวว่ามันไม่ได้อร่อยหรือว่ามีความน่าดื่มอะไรเลย เหมือนดื่มอะไรที่เค็มๆ น่ะ มันไม่ใช่วิสัยของคนไทยมั้ง Dirty Martini นั้นก็คือสำหรับคนที่ชอบดื่ม Martini เหมือนขั้นตอนปรกติ แต่ว่าขอเติม Olive Juice  ลงไปด้วยให้สีที่ขาวใสแรงด้วยแอลกอฮอล์มีมลทินเพิ่มเข้าไปอีก ด้วยความขุ่นมัวของ Olive Juice ลงไปด้วย ก็เพราะว่่าจากสีที่ใสสะอาดดีๆ อยู่แล้วพอสีออกมาขมุกขมัวมั้งก็เลยเป็นที่มาของคำว่า Dirty Martini ไม่ได้แปลว่า Martini ที่สกปรกแต่อย่างใดนะครับ 555
Slight Dirty Martini นี่ก็เป็นอีกความเรื่องมากของคนอเมริกันครับผม จากที่ได้ดื่ม Dirty Martini แล้วมีความรู้สึกว่า มันค่อนข้างเค็มไปหน่อยมั้ง??? เลยไม่ชอบ แต่ว่าก็ยังอยากจะได้รสชาดของ Olive Juice อยู่ แต่ว่าก็ไม่อยากที่จะทำให้รสชาดของเครื่องดื่มและสีสันเปลี่ยนไปมากนัก ก็เลยขอแบบว่านิดนึงก็แล้วกัน Slight Dirty ก็เลยมีความหมายประมาณว่า ใส่ Olive Juice น้อยลงมากว่าที่เราทำแบบ Dirty Martini ครึ่งนึงก็แล้วกัน
Extra Dirty Martini มาอีกแล้วครับผม Extra แต่ว่า Extra Dirty คำนี้มันหมายถึงเอาแบบ Dirty Martini นะแหละ แต่ว่าขอมากขึ้นกว่านั้นชอบมากๆ เลย ไอ้น้ำขุ่นๆ เหมือนอะไรที่สกปรกๆ และรสชาดก็เค็มๆ แบบนี้ ถ้าเจอตัวนี้ ส่ิงที่ Bartender ต้องทำเพ่ิมก็คือว่าต้องใช้ Olive ประมาณ 3-4 ลูกใส่ลงไปใน Shaker แล้วก็ทำการบดหรือที่เรียกว่า Muddle ให้พอละเอียด จากนั้นก็เติมส่วนผสมในการทำ Martini และที่สำคัญต้องเติม Olive Juice เข้าไปด้วย ก็ทำการเขย่างแล้วรินใส่แก้วตามปรกติ แต่ว่าที่มันไม่ปรกติ ก็คือสีและรูปลักษณะของเครื่องดื่มแก้วนี้มันจะออกไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่ เพราะว่ามันดูสกปรกเอามากๆเลย มันจะเห็นเศษชิ้นส่วนของ Olive และพริก Pimento ที่แหลกเละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยกันเต็มอยู่ในแก้ว มองดูกี่คร้ังๆ ก็ไม่นึกอยากจะดื่ม แต่ว่ามันก็มีคนอยู่อีกเยอะเลยแหละครับที่ชอบสั่งเจ้าเครื่่องดื่มแก้วนี้

วันนี้คงไม่จบครับผม มันยังมีอะไรที่น่าสับสน น่าปวดหัวเกี่ยวกับ Martini กันอยู่อีกครับผม เดี๋ยวจะมาเล่าต่อพร้อม สูตรและวิธีทำ Martini กันเลยดีกว่าครับผม วันนี้ก่อนจากมีรูปภาพของ Martini มาให้ดูกันก่อน แล้วกลับมาดูวิธีทำกันครับผม หรือถ้าใครอยากจะเห็น อยากจะดู อยากจะลองทำตอนนี้เลย เข้าไปดูก่อนที่ Konchonglao ก็ได้ครับผม บล็อคหลักของผมเองครับผม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น